หน่วยการเรียนรู้ที่ 1

การเลือกใช้เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย

 
การเลือกใช้เสื้อผ้าและเครื่องกาย

               เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน และเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมบุคลิกภาพอำพรางส่วนที่บกพร่องให้แก่ผู้สวมใส่  ผู้ที่แต่งกายดีทำให้ดูสง่างาม ซึ่งในการแต่งกายนั้น ควรคำนึงถึงความเหมาะสม โอกาส กาลเทศะ สี และลวดลายให้เป็นไปตามไปตามหลักการใช้สี รวมทั้งเหมาะสมกับบุคลิกภาพของตนเอง นอกจากนี้การแต่งกายควรเลือกเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมกัน เช่น กระเป๋า รองเท้า เข็มขัด เป็นต้น เพราะการแต่งกายที่สุภาพ เรียบร้อย สะอาด จะเป็นเครื่องเชิดชูความสง่างามของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี
๑.ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเสื้อผ้าในครอบครัว
                เสื้อผ้าทุกชนิดที่ใช้สำหรับสวมใส่ของสมาชิกในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นชุดนอน ชุดไปเที่ยว ชุดนักเรียน ชุดทำงาน ล้วนมีความสำคัญต่อผู้สวมใส่ บางครั้งการสวมใส่เสื้อผ้าก่อให้เกิดปัญหาการปรับตัวในสังคม เช่น เมื่อไปงานเลี้ยงจะต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ และลดน้ำหนักเพื่อให้สวมเสื้อผ้าได้สวยงาม สวมเสื้อที่ไหล่หนุนฟองน้ำเพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองดูงดงามชวนมอง ไม่ล้าสมัยและไม่แตกต่างไปจากผู้อื่น เมื่อรูปร่างเปลี่ยนแปลงอ้วนหรือผอมลง ทำให้สวมเสื้อผ้าที่มีอยู่เดิมไม่ได้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ปัญหาเกี่ยวกับเสื้อผ้าในครอบครัวมีมากมาย ซึ่งสรุปได้ดังนี้
                ๑.ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้า  เสื้อผ้ามีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันมากเสื้อผ้าที่สวยงามเหมาะสมกับรูปร่าง สะอาดและประณีตเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ ดังนั้น ในการจัดการเกี่ยวกับบ้านควรวางแผนเกี่ยวกับเงินของครอบครัวอย่างรอบคอบ ควรจัดแบ่งเงินซึ่งเป็นรายได้ของครอบครัวไว้เป็นหมวดหมู่ เพื่อให้สามารถใช้เงินในส่วนที่ควรใช่จ่ายได้อย่างเหมาะสม ค่าใช่จ่ายที่จำเป็นควรจัดแบ่งไว้เป็นหมวดหมู่ ได้แก่ ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มและเครื่องแต่งกาย ค่าการศึกษา ค่ายานพาหนะ ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและของทุกคนในบ้าน ค่ารักษาพยาบาลหรือค่าใช้จ่ายในยามจำเป็นของครอบครัวควรจัดแบ่งเงินเก็บออมเอาไว้ด้วย และเขียนบันทึกการใช้จ่ายทุกครั้ง โดยพยายามใช้จ่ายเงินตามแผนที่วางไว้ ส่วนค่าใช้จ่ายในหมวดหมู่ที่เหลือจ่ายก็สมทบไว้ในเดือนต่อไป
       ๒.ปัญหาเรื่องการจัดเก็บเสื้อผ้า  ในการจัดเก็บเสื้อผ้าของแต่ละครอบครัวควรจัดเก็บให้สะดวกต่อการหยิบใช้ โดยจัดเก็บเป็นหมวดหมู่ละจัดแยกเป็นรายบุคคล โดยวิธีพับหรือแขวนตามความเหมาะสมของการใช้งาน เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่กับบ้านเป็นเสื้อผ้าที่สวมใส่ภายในบ้าน เพื่อความสะดวกสบายในการทำกิจกรรมต่างๆในบ้าน เสื้อผ้าประเภทนี้โดยทั่วไปจะไม่พิถีพิถันอะไรมากนัก เมื่อซักรีดเสร็จแล้วอาจจะพับเก็บไว้เป็นหมวดหมู่ไม่ควรนำเสื้อผ้าของสมาชิกในครอบครัวไปจัดเก็บรวมกัน เพราะว่าไม่สะดวกในการหยิบใช้
๓.จำนวนเสื้อผ้าที่เหลือใช้   จำนวนเสื้อผ้าที่เหลือใช้ในแต่ละบ้านมีทั้งเสื้อผ้าที่คับหรือหลวมมาสามารถสวมใส่ได้ ในบางครอบครัวจะจัดเก็บเสื้อผ้าเหล่านี้ไว้เป็นจำนวนมากโดยการพับเก็บใส่ตู้เสื้อผ้า บรรจุกล่องหรือแขวนไว้ เสื้อผ้าจำพวกนี้หากจัดเก็บไว้ก็ไม่เกิดประโยชน์  ควรหาวิธีการนำกลับมาใช้ใหม่ เช่น ซ่อมแซม ดัดแปลง ตกแต่งใหม่ หรือนำไปบริจาคให้ผู้ที่สามารถสวมใส่ได้ เช่น หลาน ญาติพี่น้อง หรือสถานสงเคราะห์ต่างๆ หรือนำไปขายในราคาถูกได้ เป็นต้น
๔.ปัญหาเรื่องการซักรีด การซักรีดเสื้อผ้าในบ้าน ควรจัดแบ่งหน้าที่ตามความเหมาะสม เช่น พี่สาวคนโตมีหน้าที่ซักผ้า พี่สาวคนกลางมีหน้าที่รีดผ้า น้องคนเล็กมีหน้าที่ซักถุงเท้าซักผ้าเช็ดมือ  ซักปลอกหมอน เป็นต้น ส่วนเสื้อผ้าบางประเภทไม่ทนความร้อน หรือผ้าที่ทอจากผ้าไหม เพื่อให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้นควรศึกษาวิธีการรักษาให้เข้าใจก่อนดำเนินการ
๒. การเลือกใช้เสื้อผ้าและเครื่องแต่ง
การแต่งกายให้สวยงามและเหมาะสมกับบุคลิกภาพจำเป็นต้องรู้จักเลือกใช้เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายโดยยึดหลักดังนี้
๑.รู้จักอำพรางส่วนที่บกพร่องของตนเอง และรู้จักเน้นในส่วนที่เป็นจุดเด่น
 ๒.รู้จักเลือกสีเสื้อผ้าให้เข้ากับสีผิวของตนเอง
๓.สวมใส่เสื้อผ้าที่มีความประณีต มีความสะอาด เรียบ
๔.รักษาซ่อมแซมเสื้อผ้าให้อยู่ในสภาพ
๕.เลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับรูปร่าง โอกาส และกาลเทศะ
๖.ใช้เครื่องประดับตกแต่งให้เสื้อผ้าสวยงามยิ่งขึ้น
๒.๑ การเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับโอกาส
                ในการแต่งกายเราควรเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับโอกาส ดังนี้
                ๑)เสื้อผ้าสวมใส่อยู่กับบ้าน  ควรเลือกเสื้อผ้าที่สะดวกในการทำกิจกรรมต่างๆ ในบ้าน เช่น ทำงานบ้าน นอนเล่น เป็นต้น ดังนั้น เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่กับบ้าน ควรเป็นเสื้อผ้าที่ตัวหลวมเล็กน้อย หรือไม่คับจนเกินไป สวมใส่สบาย
                ๒)เสื้อผ้าสวมใส่ไปทำงานหรือไปทำกิจธุระ  ควรเลือกที่หรูกว่าเสื้อผ้าอยู่กับบ้าน และเลือกแบบสุภาพ ปกปิดมิดชิดไม่เปิดเผย สำหรับผู้หญิงไม่ควรใส่เสื้อเปลือยไหล่ เสื้อสายเดี่ยว เสื้อรัดรูป ที่เน้นรูปทรง หรือมองเห็นทรวดทรงชัดเจนเพราะไม่สุภาพ ไม่ปลอดภัย และทำให้ผู้สวมใส่มีคุณค่าความงามทางความรู้สึกของผู้พบเห็นน้อยลง
                ๓)เสื้อผ้าสวมใส่ไปงานเลี้ยงต่างๆ  ควรเป็นแบบเก๋ หรือพิถีพิถันมากกว่าชุดทำงานหรือไปทำธุระ ควรเป็นแบบสุภาพไม่เปิดเผย  ควรเลือกกระเป๋า รองเท้า ให้เข้ากับชุดที่สวมใส่
                ๔)เสื้อผ้าสวมใส่ไปงานเลี้ยงกลางคืน  เลือกเสื้อผ้าที่หรูหราพอสมควร เช่น ตกแต่งด้วยเลื่อม หรือวัสดุอื่นที่ให้แสงวูบวาบ  ไม่ควรเปิดเผยทรวดทรงมากนัก เพาระธรรมเนียมประเพณีไทย ไม่นิยมให้แต่งเปิดเผยมาก โดยเฉพาะผู้หญิงซึ่งถือว่าไม่สุภาพ และขัดต่อประเพณีนิยม
                ๕)เสื้อผ้าที่ใช่สำหรับงานกลางวัน  นิยมใช้ผ้าธรรมดา ผ้าแพร เนื้อด้าน มีลวดลายและดอกตามความชอบหรือวัสดุอื่น ส่วนการแต่งกายในเวลากลางคืนนั้นนิยมใช้ผ้าแพรเนื้อด้าน หรือผ้าที่มีความมัน เครื่องประดับในกลางคืนจะพิถีพิถันมากกว่างานกลางวัน
๒.๒ การเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับฤดูกาล สีและวัย 
                การเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับฤดูกาล เป็นการเลือกเสื้อผ้าตามความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และสภาพฟ้าดิน อากาศ ซึ่งควรพิจารณาเลือก ดังนี้
๑.ฤดูร้อนนิยมใช้ผ้าสีสว่างสดใส ตามสภาพฟ้าดินอากาศ
๒.ฤดูฝนใช่สีค่อนข้างทึบ เนื้อผ้าไม่บางเกินไป เพราะถ้าเปียกฝนเสื้อผ้าก้อจะช่วยอำพรางสัดส่วนได้
๓.ฤดูหนาวนิยมใช้สีหม่น สีเข้ม เพื่อเพิ่มความอบอุ่น ให้แก่ร่างกาย
๔.ผู้ที่ผิวสีขาวจะสวมเสื้อผ้าได้ทุกสี ผู้ที่มีผิวคล้ำควรหลีกเลี่ยงสีหม่น สีปนเทา ควรหลีกเลี่ยงสีร้อน เพราะจะทำให้มองดูผิวคล้ำมากขึ้น
๕.การเลือกผ้าตามวัย ควรพิจารณาเลือก ดังนี้
-          เด็กเล็กเหมาะสมที่จะใช้สีอ่อนเพราะดูสะอาดตา เช่น ฟ้าอ่อน ชมพูอ่อน เขียวอ่อน เหลืองอ่อน เป็นต้น
-          วัยเด็กถึง 12 ขวบ เหมาะสมในการใช้สีอุ่น สีสดใสสะอาดตา ถ้าต้องใช้สีตัดกัน ควรเป็นปริมาณ ๒๐-๔๐% ควรใช้สีสดใสที่คล้ายธรรมชาติ เช่น สีฟ้า สีน้ำทะเล สีของดอกไม้ใบหญ้าเป็นต้น
-          วัยรุ่น เป็นวัยที่มีความคิดเป็นอิสระ ชอบเพ้อฝัน เบื่อง่าย ชอบแต่งตัวตามแฟชั่น เพื่อให้เกิดจุดเด่น เสื้อผ้าจึงเป็นแบบสะดุดตาตามสมัยนิยม
-          วัยหนุ่มสาว เป็นผู้ที่อยู่ในวัยทำงานสามารถใช้สีได้ทุกสี ทั้งสีสด สีเข้ม สีหม่น โดยดูจากการใช้สอยว่าเป็นชุดในโอกาสใด ควรเลือกให้เข้ากับสีผิว สวมใส่แล้วช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพ
-          วัยสูงอายุ ในสมัยก่อนแฟชั่นของผู้สูงอายุ ใช้ได้ไม่กี่สี เช่น เทา น้ำตาลปนเหลือง แต่ปัจจุบันแฟชั่นของผู้สูงอายุมีทั้งสีอ่อน สีเข้ม สีหม่น แฟชั่นสีสันทำให้ผู้สูงอายุกระปรี้กระเปร่าขึ้น สำหรับผู้สูงอายุที่ทำงานเป็นนักบริหารจะแต่งการเน้นรูปแบบเรียบ มีการตกแต่งเล็กน้อยเพื่อให้สง่างามสมวัย
๖.แบบเหมาะสมกับบุคลิก เช่น เป็นคนสูงใหญ่ ควรเลือกรองเท้าส้นเตี้ยถึงสูงปานกลางเพราะรองเท้าส้นสูง จะทำให้มองดูสูงยิ่งขึ้น คนอ้วนควรใช้รองเท้าแบบเรียบเกลี้ยง เป็นต้น
๗.รูปร่างรองเท้าควรเป็นไปตามเท้าของผู้สวม และแนบกับเท้าทั้งด้านข้างและฝ่าเท้า
๘.ควรเลือกใช้รองเท้าที่เย็บแข็งแรง ทนทาน
๙.เลือกแบบและวัสดุเหมาะสมแก่การใช้งาน เช่นรองเท้าสวมใส่อยู่กับบ้าน ควรเป็นรองเท้าแตะที่ทนทานต่อการใช้งาน สวมใส่สบาย เปียกน้ำได้ เช่น รองเท้ายาง รองเท้าพลาสติก เป็นต้น
๓).กระเป๋าถือ เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกาย
 มีจำหน่ายหลายขนาด รูปร่างและสีต่างๆกัน เช่น กระเป๋าสะพาย กระเป๋าหนีบ กระเป๋าหูหิ้ว เป็นต้น ควรพิจารณาเลือกใช้ตามความเหมาะสม ดังนี้
๑.ฝีมือการเย็บเรียบร้อย ประณีต
๒.สีของกระเป๋าเข้ากับสีของเสื้อผ้าที่สวมใส่ กระเป๋าสีดำใช้กับเสื้อผ้าได้ทุกสี
๓.ขนาดพอเหมาะ สามารถบรรจุสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้โดยกระเป๋าไม่เสียรูปทรง ปากกระเป๋ากว้างเพื่อให้หยิบของได้สะดวก
๔.ถ้าเป็นกระเป๋าที่มีสายสะพาย หรือกระเป๋าหูหิ้ว จะต้องมีความทนทานแข็งแรง
๕.แบบเหมาะสมกับโอกาสที่ใช้ และถ้าเป็นแบบที่ใช้ได้หลายโอกาสก็จะเป็นการประหยัดรายจ่ายค่าเครื่องแต่งกายได้
๖.เลือกแบบที่เหมาะสมกับบุคลิก เช่น ถ้าเป็นคนตัวเล็ก ไม่ควรเลือกกระเป๋าใบใหญ่เกินไป เป็นต้น
สรุป
 การแต่งกายให้สวยงามและเหมาะสมกับบุคลิกภาพนั้น ผู้สวมใส่จำเป็นจะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น รูปร่าง วัย สีผิว บุคลิกภาพ และโอกาสที่สวมใส่ รวมทั้งยังต้องรู้จักเลือกเครื่องประกอบการแต่งกาย เช่น รองเท้า กระเป๋า เข็มขัด ให้เหมาะสมกับเสื้อผ้าที่สวมใส่ ทั้งนี้ในการเลือกซื้อเสื้อผ้าและเครื่องแต่กาย ควรพิจารณาและเลือกซื้ออย่างละเอียดรอบคอบ
                                                    

                                                                           

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น