การออกแบบเครื่องแต่งกาย
1.
เพื่อป้องกันตัวเองจากภัยธรรมชาติ เช่น
ภัยจากสภาพอากาศหนาว ร้อน หรือภัยจากแมลงต่าง ๆ
2.
เพื่อป้องกันตัวเองจากอันตรายในโอกาสต่าง
ๆ เหมาะกับคนทำงานในอาชีพต่าง ๆ เช่น นักดับเพลิง นักบิน วิศวกร
3.
เพื่อป้องกันตัวเองจากศัตรู โดยเฉพาะศัตรูที่เป็นมนุษย์ด้วยกัน
เช่นการสวมเสื้อเกราะกันกระสุน หมวกเหล็ก
4.
การต้องการความสุภาพ ทั้งนี้ ขึ้นกับเวลา
สถานที่และบุคคล การยอมรับความสุภาพของสถานที่หนึ่งอาจแตกต่างจากสถานที่หนึ่งก็เป็นได้
5.
เพื่อตกแต่งร่างกายและดึงดูดความสนใจ อาจเป็นการประดับร่างกายด้วยเครื่องประดับที่บอกฐานะ
ยศ ตำแหน่ง เครื่องราชย์ เป็นต้น
6.
สถานภาพทางสังคม เช่นชุดที่เกี่ยวข้องกับอาชีพการงาน
ตำแหน่งที่ได้รับ
7.
การแสดงออกทางพิธีการ งานต่าง ๆ ที่กำหนดให้ใส่เสื้อผ้าที่มีความเจาะจง
เช่นงานศพ งานสโมสรสันนิบาต
8.
การแบ่งแยกจากกลุ่ม มักเกิดกับวัยรุ่นหรือความต้องการความแตกต่างกันระหว่างองค์กร
เช่น เสื้อ
blazers ที่สวมเพื่อบอกสถาบันที่สังกัดอยู่ของนักเรียน ชุดของพระในศาสนาคริสต์ที่มีนิกายแตกต่างกัน
ชุดนักเรียน เครื่องหมายที่แสดงสัญลักษณ์ของสถาบัน หมวกของพยาบาล
9.
การดึงดูดความสนใจเพศตรงข้าม
10.
เพื่อความพึงพอใจของตนเอง
11.
สภาพทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม
สิ่งแวดล้อมในธรรมชาติพัฒนาไปอย่างมากมาย
ยิ่งวิวัฒนาการมากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งมีผลต่อมนุษย์มากขึ้นเท่านั้น
อิทธิพลของเสื้อผ้าและการประดับตกแต่งร่างกายสามารถได้มาทั้งจากธรรมชาติ
การติดต่อค้าขาย การคมนาคม ซึ่งมีผลต่อมนุษย์ในการพัฒนาหรือปรับปรุงเครื่องแต่งกายของตนเองให้ดีขึ้น
การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี
ศาสนาและสังคมก็มีส่วนเป็นอย่างมากในการกำหนดการแต่งกายของมนุษย์
อิทธิพลของเครื่องแต่งกายต่อมนุษย์
อิทธิพลทางวัฒนธรรม
วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ใช้ในการศึกษาเรียนรู้ความเป็นไปและสังคมที่บุคคลดำรงอยู่
ไม่ว่าจะเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต งานอดิเรก ศิลปะ ความเชื่อ ความรู้ ความชำนาญ จริยธรรม
ฯลฯ เสือผ้าที่สวมใส่จะขึ้นอยู่กับการสืบทอดต่อ
ๆ กันมา อาจจะเกิดจากการผสมผสานระหว่างอิทธิพลทางวัฒนธรรมและนำมาประยุกต์ใช้หรือเปลี่ยนแปลง
ซึ่งเป็นลักษณะที่เกิดขึ้นอย่างมั่นคงในสังคม
โครงร่างของเสื้อผ้ามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในแต่ละยุคของประวัติศาสตร์ ช่วงเวลาซึ่งอาจจะแตกต่างกันนับร้อยปีในแต่ละยุค
แต่เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วจากการขนส่งและธุรกิจก็ทำให้ย่นระยะเวลาที่ห่างกันให้สั้นลงได้
เสื้อผ้าได้รับอิทธิพลมาจากสิ่งแวดล้อมทางกาย
ทรัพยากรทางธรรมชาติ และความสามารถในการนำทรัพยากรต่าง ๆ ไปใช้ ในหลาย ๆ
สังคมได้พัฒนาแนวทางการนำทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับสิ่งทอมาใช้ในการออกแบบเครื่องแต่งกายให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ประเพณีและขนบธรรมเนียม
ประเพณีและขนบธรรมเนียมเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในชีวิตประจำวันของผู้คนที่หยั่งรากลึกจนกลายเป็นความเคยชินและเป็นประเพณี
ในกรณีของการแต่งกายก็เช่นเดียวกัน
บางสังคมมีการแต่งกายที่สืบทอดเป็นวัฒนธรรมที่ยาวนาน เช่น
การสวมชุดส่าหรีของสตรีชาวอินเดีย
คุณค่าทางสังคม
ลักษณะที่แตกต่างและความมีเอกลักษณ์ในแต่ละสังคมทำให้การสวมเสื้อผ้าของมนุษย์มีความแตกต่างกันไป
การยอมรับเรื่องใดเรื่องหนึ่งในสังคมหนึ่งอาจแตกต่างไปจากสังคมหนึ่งก็ได้
โดยคุณค่านี้อาจมาจากพื้นฐานที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ครอบครัว การเลี้ยงดู
วิถีการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน การศึกษาและกลุ่มคนที่คบค้าสมาคมอยู่
รวมไปถึงยุคสมัยที่แตกต่างกันก็ทำให้แนวความคิดเรื่องคุณค่าของการแต่งกายแตกต่างกันได้
ปัจจัยทางสังคมจิตวิทยา
เสื้อผ้าที่สวมใส่ทำให้คนแต่ละคนมีความรู้สึกแตกต่างกันไปในการแต่งกายแต่ละครั้ง
รวมไปถึงความคิดที่บุคคลภายนอกมองมายังตนเองก็แตกต่างกันด้วย
รูปแบบของเครื่องแต่งกาย ขนาด สีสัน
รูปร่างทำให้ภาพลักษณ์ของบุคคลแตกต่างกันไปในแต่ละครั้งที่มีการสวมใส่เครื่องแต่งกายที่แตกต่างกัน
สัญลักษณ์ของเครื่องแต่งกาย
การปรากฏตัวในแต่ละครั้งด้วยเครื่องแต่งกายที่แตกต่างกันทำให้ภาพลักษณ์ของบุคคลดูแตกต่างกันไปได้ทั้งใน
เนื่องจากลักษณะของเครื่องแต่งกายที่แตกต่างกัน
รูปแบบบางอย่างของเครื่องแต่งกายทำให้สังคมคาดหวังว่าบุคคลผู้สวมใส่มีลักษณะเป็นเช่นไร
อายุเท่าไร หรือมีอาชีพอะไร
การแบ่งแยกชนชั้นหรือแบ่งแยกกลุ่ม
เพื่อต้องการให้ดูแตกต่างจากกลุ่มชนอื่น
มนุษย์พยายามหาวิธีที่จะทำให้กลุ่มของตนดูแตกต่างไปจากกลุ่มอื่นเพื่อให้รับรู้ถึงลักษณะประจำกลุ่มของตนเอง
ง่ายในการจดจำและแยกแยะความแตกต่าง
ความสบายและลักษณะเฉพาะที่ต้องการ
เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นมนุษย์เลือกสวมเสื้อที่มีความหนานุ่มในฤดูหนาว
และในฤดูร้อนก็สวมใส่เสื้อผ้าที่บางเบาขึ้นเพื่อความสบาย
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและแฟชั่น
เป็นเหตุผลที่ทำให้เครื่องแต่งกายมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
การเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมอาจมาจากแนวความคิด ความเชื่อ เหตุการณ์ทางการเมือง
เศรษฐกิจ การพบเห็นแฟชั่นจากแหล่งอื่น ทำให้แนวความคิดในการแต่งกายเปลี่ยนแปลงไปได้เช่นกัน
บุคลิกภาพ หมายถึง ลักษณะเฉพาะของคนแต่ละคนบุคลิกภาพของแต่ละคนมีผลต่อการแต่งกาย
ทำให้บุคคลแสดงออกในเรื่องการแต่งกายแตกต่างกัน บุคลิกภาพโดยทั่วไปของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
เกิดจากความต้องการสร้างความประทับใจให้ปรากฏต่อผู้ที่พบเห็น
แต่ความประทับใจนี้ไม่ได้มั่นคง ยาวนานหรือน่าเชื่อถือได้เสมอไป เช่น
บุคคลที่มีบารมี มีท่าทางน่ายกย่อง เกรงขามในช่วงเวลาหนึ่ง
อาจไม่ได้รับความเชื่อถือในเวลาต่อมาก็เป็นได้ เช่น พวกนักการเมือง เป็นต้น
นอกจากนี้ ความคิดของคนเราที่มีต่อบุคคลอื่น ๆ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
บุคลิกภาพที่แสดงออกอาจไม่ใช่บุคลิกภาพที่แท้จริงของบุคคลนั้นเสมอไป นอกจากนี้
คนส่วนมากต้องการแสดงออกถึงบุคลิกภาพที่ดีของตนเองต่อผู้อื่น
เพื่อสร้างความประทับใจต่อเพื่อนและผู้คุ้นเคย
การแต่งกายช่วยให้สามารถแสดงออกถึงบทบาทของตนเองในสังคมและบุคลิกภาพได้ ดังนี้
1.
เครื่องแต่งกายและบุคลิกภาพที่ดึงดูดความสนใจ
สามารถสร้างความประทับใจเมื่อแรกพบได้
2.
เครื่องแต่งกายสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือที่ต้องการให้กับผู้สวมใส่ได้
3.
การใช้เครื่องแต่งกายเพื่อสร้างภาพลักษณ์สามารถใช้ได้ตลอดเวลาขึ้นอยู่กับ
อายุ โอกาส การงาน ฯลฯ เช่น วัยรุ่นอาจสวมชุดนักเรียนในตอนกลางวันและเปลี่ยนเป็นชุดลำลองเพื่อสังสรรค์กับเพื่อนในตอนเย็น
4.
เครื่องแต่งกายควรมีส่วนช่วยส่งเสริมและสร้างบุคลิกภาพที่ดีให้กับผู้สวมใส่
5.
โครงสร้างของกระดูก
รูปร่างหน้าตาและผิวพรรณ เป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพของคนเราซึ่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
แต่สามารถควบคุมน้ำหนัก แก้ไขกิริยาท่าทาง
และเลือกเครื่องแต่งกายและสีสันที่ช่วยแก้ไขข้อบกพร่องของร่างกายได้
ลักษณะบุคลิกภาพ
มีความพยายามมากมายในการแบ่งแยกลักษณะบุคลิกภาพของคนออกเป็นกลุ่มต่าง
ๆ เช่น การแบ่งลักษณะบุคลิกภาพออกเป็นลักษณะต่าง ๆ ดังนี้
-
เฉลียวฉลาด คล่องแคล่ว (Ingénue)
-
ช่ำชองต่อโลก มีเล่ห์เหลี่ยม (Sophisticated)
-
มีอารมณ์อ่อนหวาน โรแมนติก (Romantic)
-
เพ้อฝัน มีจินตนาการ (Dramatic)
-
แข็งแรง ปราดเปรียว ดูเป็นนักกีฬา (Athletic)
ลักษณะของบุคลิกต่าง ๆ เหล่านี้
มักใช้ในการแบ่งแยกกลุ่มของเครื่องแต่งกายด้วย
แต่ก็เป็นลักษณะของบุคลิกภาพในอุดมคติมากกว่าที่จะเป็นบุคลิกภาพของคนจริง ๆ
โดยทั่วไป
บางครั้งการจำแนกบุคลิกภาพของคนเพื่อใช้ในการศึกษาเกี่ยวกับการแต่งกายและบุคลิกภาพจึงนิยมแบ่งในลักษณะที่เรียกว่า
Yang-yin หรือลักษณะของความเป็นชาย-หญิง มากกว่า
ลักษณะของ Yang type เป็นบุคลิกที่แสดงออกถึงพลังที่เหนือมนุษย์ ความก้าวร้าว รุนแรง
และลักษณะของเพศชาย มีความคิดความสนใจเกี่ยวความเป็นไปรอบตัว มีชีวิตชีวา ชอบแหกกฎ
และเป็นผู้นำ ชอบเสื้อผ้าที่มีสีสันจัดจ้านหรือสีในโทนร้อน
ลักษณะของ Yin type แสดงออกถึงพลังของผืนดิน ความเป็นหญิง ความอ่อนน้อม
สนใจตนเองมากกว่าคนรอบข้าง เก็บตัว อ่อนไหว ขี้อาย
มีแนวโน้มที่จะเป็นผู้ตามมากกว่า ชอบสวมเสื้อผ้าที่มีสีในโทนเย็น สีธรรมชาติ
การจำแนกลักษณะบุคลิกภาพรูปแบบอื่น ๆ
ที่ใช้ในการศึกษาลักษณะการแต่งกายนิยมใช้เกณฑ์การจำแนกของ Eduard
Spranger ซึ่งแบ่งลักษณะบุคลิกภาพของคนออกเป็น 6 กลุ่มดังนี้
1.
The
theoretical type เป็นผู้ที่ยึดถือความถูกต้อง ความจริง มีความรู้
คงแก่เรียน เสื้อผ้าที่บุคคลเหล่านี้เลือกสวมใส่จะเป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างแท้จริง
เหมาะกับอาชีพการงาน ไม่ตามแฟชั่น
2.
The
economic type
เป็นบุคคลที่รู้จักใช้จ่ายเงินและเวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด
คนเหล่านี้จะจัดการเกี่ยวเสื้อผ้าของตนเองอย่างมีระเบียบ แบบแผน
วางแผนการใช้จ่ายเงินทองเพื่อซื้อเสื้อผ้าอย่างรอบคอบ
3.
The
aesthetic type คนกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องของการออกแบบ
การแสดงออก และความสวยงาม เสื้อผ้าที่เลือกสวมใส่จึงต้องมีความโก้เก๋ และทันสมัย
4.
The
social type เป็นบุคคลที่ให้ความสำคัญกับบุคคลอื่น
การแต่งกายจึงมักหลีกเลี่ยงเครื่องแต่งกายที่สังคมไม่ยอมรับ
5.
The
political type
เป้าหมายของบุคคลในกลุ่มนี้คือการทำให้ผู้คนประทับใจและแสวงหาอำนาจ
การเลือกเครื่องแต่งกายจะเลือกที่สามารถนำตนเองก้าวเข้าไปในสังคมหรือเป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คน
6.
The
religious-philosophical type
เป็นกลุ่มคนที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับอุดมคติและความเรียบง่าย
เสื้อผ้าที่คนเหล่านี้เลือกเน้นที่ความสบาย ไม่หรูหรา
ไม่ใช่เพื่อสร้างความสุขที่เกิดจากการแต่งกายแต่เพื่อความเรียบง่ายของการดำเนินชีวิต
นอกจากบุคลิกภาพดังกล่าวข้างต้น
ยังมีลักษณะของบุคคลในรูปแบบอื่น ๆ ที่มีผลต่อการเลือกเครื่องแต่งกาย และมีความสัมพันธ์กับบุคลิกภาพของคนเรา
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเครื่องแต่งกายสามารถบ่งบอกสภาวะจิตใจ
สุขภาพและทัศนคติของผู้สวมใส่ที่มีต่อสังคมได้
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคลิกภาพกับการแต่งกาย
การพัฒนาบุคลิกภาพมีความสัมพันธ์กับการแต่งกายเพราะเกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้นของบุคคล
มีผลทำให้เครื่องแต่งกายได้รับการพัฒนาตามไปด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างบุคลิกภาพและการแต่งกายนี้แยกออกเป็น
-
ความสัมพันธ์ในด้านสังคม (Sociological)
คือภาพลักษณ์ที่บุคคลอื่นมองตนเองเมื่อสวมใส่เสื้อผ้าชุดนั้น
-
ความสัมพันธ์ในด้านจิตวิทยา
(Psychological) คือสิ่งที่บุคคลต้องการให้ผู้อื่นคิดเกี่ยวกับตนเองเมื่อสวมใส่เสื้อผ้าชุดนั้น
บุคลิกภาพและการสร้างความประทับใจ
ปัจจัยที่สำคัญในการสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นคือ
รูปลักษณ์ภายนอก กิริยามารยาท และการสนทนาโต้ตอบกับบุคคลอื่น
รูปลักษณ์ภายนอกหรือภาพลักษณ์ (Appearance)
รูปลักษณ์ภายนอกเป็นสิ่งแรกที่ผู้คนสังเกตเห็นในบุคคลอื่น
ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา สีผม ทรงผม เครื่องแต่งกาย
กิริยามารยาทการแสดงออกและน้ำเสียงขณะพูด
เครื่องแต่งกายอาจเป็นสิ่งแรกที่สร้างความประทับใจในการพบกัน
แต่เมื่อสนิทสนมคุ้นเคยเสื้อผ้าก็มีความสำคัญน้อยลงและบุคลิกของคนเราจะมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น
ลักษณะนิสัยและกิริยามารยาท (Mannerisms
and manners)
ผู้ที่มีกิริยามารยาท
หรือการแสดงออกที่ดีจะสร้างความประทับใจเมื่อแรกพบได้เสมอ
การฝึกให้เป็นผู้มีการแสดงออกที่เหมาะสมสามารถทำได้ โดยการสังเกตกิริยาที่เราแสดงออกเป็นประจำและเตือนตัวเองให้มีความเคยชินกับกิริยาที่ดี
ตัวอย่างการแสดงออกที่ไม่เหมาะสมและไม่ควรกระทำ เช่น
การพูดโพล่งกลางวงสนทนาของบุคคลอื่น การนินทา โกหก ขี้บ่น ดื้อรั้น โอ้อวด
ชอบบงการ เป็นต้น นอกจากนี้ การแสดงออกต่าง ๆ ที่จะทำให้เสียบุคลิกภาพ เช่น
การกัดเล็บเมื่อรู้สึกไม่มั่นใจ การแสดงออกถึงความขัดเขินมากจนเกินไป
การโบกมือไปมาเวลาพูด
แต่การแสดงออกถึงกิริยามารยาทที่มากเกินไปก็อาจทำให้ดูไม่จริงใจหรือเสแสร้างได้
น้ำเสียงและคำพูด (Voice and conversation)
น้ำเสียงและคำพูดเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพ
ความแตกต่างของวัฒนธรรม ถิ่นที่อยู่ทำให้คนเรามีสำเนียง และภาษาที่แตกต่างกันได้
ในการสนทนากับบุคคลที่มีความแตกต่างกันควรใช้ภาษาที่มีความเป็นกลาง
สื่อความหมายที่เข้าใจตรงกัน ไม่ควรใช้คำแสลงที่ทำให้ผู้อื่นสับสน คำพูดหยาบคาย
คำพูดที่ดูถูก ดูหมิ่นผู้อื่น คำส่อเสียด
ก้าวร้าว และไม่ควรพูดด้วยน้ำเสียงรุนแรง ฟังแล้วก้าวร้าว
หลีกเลี่ยงการพูดเรื่องตนเองมากเกินไป เรียนรู้ที่จะเป็นผู้ฟังที่ดี
ปัจจัยที่มีผลต่อบุคลิกภาพ
เชื้อชาติ วัฒนธรรม ครอบครัว
เพื่อนและการติดต่อสัมพันธ์กับบุคคลอื่นมีผลต่อบุคลิกภาพของคนเรา นอกจากนี้พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมก็มีอิทธิพลต่อบุคลิกภาพเช่นเดียวกัน
ลักษณะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม (Heredity)
พันธุกรรมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรูปร่างภายนอกของคนเราซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับความเป็นตัวตนของตนเอง เรียนรู้ที่จะอำพรางข้อด้อยของร่างกายและเสริมส่วนดีให้ดูโดดเด่น
ลักษณะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมแตกต่างกันไปตามเชื้อชาติ สังเกตได้จากสีผม สีผิว
โครงสร้างของร่างกาย เป็นต้น
เครื่องแต่งกายสามารถเสริมสร้างให้คนที่มีความแตกต่างกันดูโดดเด่นได้ไม่น้อยหน้ากัน
สิ่งแวดล้อม (Environment)
สิ่งแวดล้อมมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาบุคลิกภาพของคนเรามาตั้งแต่เกิด
การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมรอบตัวสามารถทำให้บุคลิกภาพของคนเราเปลี่ยนแปลงไปได้
คนแต่ละช่วงวัยมีความต้องการที่แตกต่างกัน
นักจิตวิทยาและจิตแพทย์เชื่อว่าเครื่องแต่งกายสามารถที่ส่วนช่วยให้คนในแต่ละช่วงวัยปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาวะของตนเองได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น